หน้าเว็บ

พุทธศาสนสุภาษิต



พุทธศาสนสุภาษิตคำแปล
  อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนํ คนขยัน  ย่อมหาทรัพย์ได้ 
  พาโล อปริณายโก คนโง่ คนพาล ไม่ควรเป็นผู้นำ
  อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน 
  ปญฺญาว ธเนน เสยฺโย ปัญญาย่อมประเสริฐกว่าทรัพย์ 
  อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย ชนะตนนั่นแหละประเสริฐกว่า 
  ยถาวาที ตถาการี พูดอย่างไร ทำได้อย่างนั้น 
  สจฺจํ เว อมตา วาจา คำจริงเป็นสิ่งไม่ตาย 
  อิณาทานํ ทุกขํ โลเก การกู้หนี้ เป็นทุกข์ในโลก 
  อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา บัญฑิตย่อมฝึกตน 
  ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก 
หมวดที่ 2 “หมวดบุคคล”
พุทธศาสนสุภาษิตคำแปล
ธมฺมเทสฺสี ปราภโวผู้เกลียดธรรม เป็นผู้เสื่อม
ปริภูโต มุทุ โหติ อติติกฺโข จ เวรวาอ่อนไปก็ถูกเขาหมิ่น แข็งไปก็มีภัยเวร
นตฺถิ โลเก อนินฺทิโตผู้ไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก
ทุวิชาโน ปราภโวผู้มีความรู้ในทางชั่ว เป็นผู้เสื่อม
สุวิชาโน ภวํ โหติผู้มีความรู้ในทางที่ดี เป็นผู้เจริญ 
โจรา โลกสฺมิมพฺพุทาพวกโจรเป็นเสนียดของโลก
ธมฺมกาโม ภวํ โหติผู้ชอบธรรม เป็นผู้เจริญ
ครุ โหติ สคารโวผู้เคารพผู้อื่น ย่อมมีผู้เคารพตนเอง
ผาตึ กยิรา อวิเหฐยํ ปรํควรทำแต่ความเจริญ อย่าเบียดเบียนผู้อื่น 
สจฺจํ หเว สาธุตรํ รสานํความซื่อสัตย์นั่นแล 
หมวดที่ 3 “หมวดการศึกษา”
พุทธศาสนสุภาษิตคำแปล
หินชจฺโจปิ เจ โหติ อุฏฺฐาตา ธิติมา นโรอาจารสีลสมฺปนฺโน นิเส อคฺคีว ภาสติคนเราถึงมีชาติกำเนิดต่ำ แต่หากขยันหมั่น เพียร มีปัญญาประกอบด้วยอาจาระ และ ศีล ก็รุ่งเรืองได้ เหมือนไฟถึงอยู่ในคืนมืดก็สว่างไสว
โน เจ อสฺส สกา พุทฺธิ วินโย วา สุสิกฺขิโต วเน อนฺธมหึโสว จเรยฺย พหุโก ชโนถ้าไม่มีพุทธิปัญญา แลมิได้ศึกษาระเบียบ วินัยคนทั้งหลายก็จะดำเนินชีวิต เหมือนดัง กระบือบอดในกลางป่า
สากจฺฉาย ปญฺญา เวทิตพฺพาความมีปัญญา ย่อมรู้ได้จากการสนทนา
ปุตฺเต วิชฺชาสุ ฐาปยบิดามารดา พึงให้บุตรเรียนศิลปวิทยา
โยคา เว ชายเต ภูริปัญญา ย่อมเกิดขึ้น เพราะการฝึกฝน
ปญฺญาว ธเนน เสยฺโยปัญญานั่นแหละ ประเสริฐกว่าทรัพย์
สุสฺสูสํ ลภเต ปญฺญํผู้ตั้งใจศึกษา ย่อมได้ปัญญา 
ปญฺญา นรานํ รตนํปัญญาเปรียบเสมือน เครื่องประดับแห่งตน 
ปญฺญา โลกสฺมิ ปชฺโชโตปัญญาเป็นแสงสว่างในโลก
อวิทฺทสู มารวสานุวตฺติโนคนโง่ มักตกอยู่ในอำนาจ แห่งมาร 
หมวดที่ 4 “หมวดวาจา”
พุทธศาสนสุภาษิตคำแปล
วาจํ ปมุญเจ กุสลํ นาติเวลํไม่ควรเปล่งวาจาที่ดี ให้เกินแก่ควรกาล
พทฺธาปิ ตตฺถ มุจฺจนฺติ ยตฺถ ธีรา ปภาสเร คนมีปัญญา แม้มีปัญหา และ ถูกผูกมัดอยู่ พอพูดในเรื่องใด ก็หลุดได้ในเรื่องนั้น 
หทยสฺส สทิสี วาจา ว า จ า เ ช่ น เ ดี ย ว กั บ ใ จ
น หิ มุญเจยฺย ปาปิกํไม่ควรเปล่งวาจาที่ชั่วเลย
อพทฺธา ตตฺถ พชฺฌนฺติคนพาลที่ยังไม่ถูกผูกมัด แต่พอพูดในเรื่องใด ก็ถูกผูกมัดตัวในเรื่องนั้น 
มุตฺวา ตปฺปติ ปาปิกํ คนกล่าววาจาชั่ว ย่อมเดือดร้อน
มนุญฺญเมว ภาเสยฺยํควรกล่าวแต่วาจา ที่น่าพอใจ
ทุฏฺฐสฺส ผรุสา วาจาคนโกรธมีวาจาหยาบ
สจฺจํ เว อมตา วาจาคำสัตย์ แลเป็นวาจาที่ไม่ตาย
อภูวาที นิรยํ อุเปติคนพูดไม่จริง ย่อมเข้าถึงนรก
หมวดที่ 5 “หมวดความอดทน”
พุทธศาสนสุภาษิตคำแปล
ขนฺติ ตโป ตปสฺสิโนความอดทน เป็นตปะ ( ต บ ะ ) ของผู้พากเพียร
ขนฺติ หิตสุขาวหาความอดทน นำมาซึ่งประโยชน์สุข 
ขนฺติ ธีรสฺสลงฺกาโรความอดทน เป็นเครื่องประดับ ของนักปราชญ์ 
ขนฺติ ปรมํ ตโป ตีติกฺขาขันติ คือความอดทน เป็นตบะอย่างยิ่ง
ขนฺติ พลํ ว ยตีนํ ความอดทน เป็นกำลัง ของนักพรต 
ขนฺติ สาหสวารณา ความอดทน ห้ามไว้ได้ซึ่ง ความผลุนผลัน
ขนฺติพลา สมณพราหมณาสมณพรามหณ์ มีความอดทนเป็นกำลัง
มนาโป โหติ ขนฺติโกผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่ชอบใจของบุคคลอื่น 
เกวลานํปิ ปาปานํ ขนฺติ มูลํ นิกนฺตติครหกลหาทีนํ มูลํ ขนฺติ ขนฺติโกความอดทน ย่อมตัดรากแห่งบาปทั้งสิ้น , ผู้มีขันติ ชื่อว่า ย่อมขุดรากแห่งความ ติเตียน และ การทะเลาะกันได้ เป็นต้น
ขนฺติโก เมตฺตวา ลาภี ยสสฺสี สุขสีลวาปิโย เทวมนุสฺสานํ มนาโป โหติ ขนฺติโกผู้มีความอดทน นับว่ามีเมตตา มีลาภ มียศ และ มีสุขเสมอ , ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่รัก ชอบใจของเทวดา และ มนุษย์ทั้งหลาย
หมวดที่ 6 “หมวดความเพียร”
พุทธศาสนสุภาษิตคำแปล
ขโณ โว มา อุปจฺจคา อย่าปล่อยกาลเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์ 
หิยฺโยติ หิยฺยติ โปโส ปเรติ ปริหายติ คนที่ผลัดวันว่าพรุ่งนี้ ย่อมเสื่อม ยิ่งผลัดว่ามะรืนนี้ ก็ยิ่งเสื่อม 
กาลคตญฺจ น หาเปติ อตฺถํ คนขยัน พึงไม่ให้ประโยชน์ที่มาถึงแล้วผ่านไปโดยเปล่า
โภคา สนฺนิตยํ ยนฺติ วมฺมิโกวูปจียติ ค่อยๆ เก็บรวบรวมทรัพย์ ดังปลวกก่อจอมปลวก 
อตีตํ นานฺวาคเมยฺนย นปฺปฏิกงฺเข อนาคตํ อย่ารำพึงถึงความหลัง อย่ามัวหวังถึงอนาคต 
อโหรตฺตมตนฺทิตํ ตํ เว ภทฺเทกรตฺโตติ คนขยันทั้งคืนทั้งวัน จักไม่ซึมเซา เรียกว่าแต่ละวันมีแต่นำโชค 
อสเมกฺขิตกมฺมนฺตํ ตุริตาภินิปาตินํตานิ กมฺมานิ ตปฺเปนฺติ อุณฺหํ วชฺโฌหิตํ มุเข ผู้ที่ทำการงานลวกๆ โดยมิได้พิจารณาใคร่ครวญให้ดี เอาแต่รีบร้อนพรวดพราดจะให้เสร็จ การงานเหล่านั้น ก็จะก่อความเดือดร้อนให้ เหมือนตักอาหารที่ยังร้อนใส่ปาก 
อชฺช สุวติ ปุริโส สทตฺทํ นาวพุชฺฌติโอวชฺชมาโน กุปฺปติ เสยฺยโส อติมญฺญติ ฯลฯ คนที่ไม่รู้จักประโยชน์ตนว่า อะไรควรทำวันนี้ อะไรควรทำพรุ่งนี้ ใครตักเตือนก็โกรธ เย่อหยิ่ง ถือดีว่า ฉันเก่ง ฉันดี คนอย่างนี้ เป็นที่ชอบใจของ กาฬกิณี 
โกสชฺชํ ภยโต ทิสฺวา วิริยารมฺภญฺจ เขมโตอารทฺธวิริยา โหถ เอสา พุทฺธานุสาสนี ท่านทั้งหลายจงเห็นความเกียจคร้านว่าเป็นภัย และเห็นการปรารภความเพียรว่าเป็นความปลอดภัย แล้วปรารภความเพียรเถิด นี้เป็น พุทธานุศาสนี 
หิยฺโยติ หิยฺยติ โปโส ปเรติ ปริหายติอนาคตํ เนตมตฺถีติ ญตฺวาอุปฺปนฺนจฺฉนฺทํ โก ปนุเทยฺย ธีโรมัวรำพึงถึงความหลัง ก็มีแต่จะหดหาย มัวหวังวันข้างหน้า ก็มีแต่จะละลาย อันใดยังไม่มาถึง อันนั้นก็ยังไม่มี รู้อย่างนี้แล้ว เมื่อมีฉันทะเกิดขึ้น คนฉลาดที่ไหนจะปล่อยให้หายไปเปล่า 
หมวดที่ 7 “หมวดความโกรธ”
พุทธศาสนสุภาษิตคำแปล
โกธํ ทเมน อุจฺฉินฺเท พึงตัดความโกรธด้วยความข่มใจ
โกโธ สตฺถมลํ โลเก ความโกรธเป็นดังสนิมศัสตราในโลก 
โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ ฆ่าความโกรธได้ อยู่เป็นสุข 
โกธํ ปญฺญาย อุจฺฉินฺเท พึงตัดความโกรธด้วยปัญญา 
โกธสมฺมทสมฺมตฺโต อายสกฺยํ นิคจฺฉติ ผู้เมามึนด้วยความโกรธ ย่อมถึงความไร้ยศศักดิ์ 
ยํ กุทฺโธ อุปโรเธติ สุกรํ วิย ทุกฺกรํ ผู้โกรธจะผลาญสิ่งใด สิ่งนั้นทำยากก็เหมือนทำง่าย 
อนตฺถชนโน โกโธ ความโกรธก่อความพินาศ 
ทุกฺขํ สยติ โกธโน คนมักโกรธ ย่อมอยู่เป็นทุกข์ 
อปฺโป หุตฺวา พหุ โหติ วฑฺฒเต โส อขนฺติโช ความโกรธน้อยแล้วมาก มันเกิดจากความไม่อดทน จึงทวีขึ้น 
ปจฺฉา โส วิคเต โกเธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติภายหลังเมื่อความโกรธหายแล้ว เขาย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกไฟไหม้ 
หมวดที่ 8 “หมวดการชนะ”
พุทธศาสนสุภาษิตคำแปล
สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง 
สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ รสแห่งธรรมะ ย่อมชนะรสทั้งปวง 
ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ ความสิ้นตัณหา ย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง 
ชิเน กทริยํ ทาเนน พึงชนะคนตระหนี่ด้วยการให้ 
ชยํ เวรํ ปสวติ ผู้ชนะ ย่อมก่อเวร 
อสาธํ สาธุนา ชิเน พึงชนะคนไม่ดี ด้วยความดี 
อกฺโกเธน ชิเน โกธํ พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ 
ตํ โข ชิตํ สาธุ ชิตํ ยํ ชิตํ นาวชิยฺยติ ความชนะใดที่ชนะแล้วไม่กลับแพ้ ความชนะนั้นดี 
สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ ความยินดีในธรรมะ ย่อมชนะความยินดีทั้งปวง 
น ตํ ชิตํ สาธุ ชิตํ ยํ ชิตํ อวชิยฺยติ.ความชนะใดที่ชนะแล้ว กลับแพ้ได้ ความชนะนั้นไม่ดี 
หมวดที่ 9 “หมวดความประมาท”
พุทธศาสนสุภาษิตคำแปล
ปมาโท รกฺขโต มลํ ความประมาท เป็นมลทินของผู้รักษา 
เย ปมตฺตา ยถา มตา ผู้ประมาท เหมือนคนตายแล้ว 
ปมาเทน น สํวเส ไม่ควรสมคบด้วยความประมาท 
ปมาทมนุยุญฺชนฺติ พาลา ทุมฺเมธิโน ชนา คนพาลมีปัญญาทราม ย่อมประกอบแต่ความประมาท 
เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ เย ปมชฺชนฺติ มาณวา คนประมาท ย่อมเศร้าโศกสิ้นกาลนาน 
ยาวเทว อนตฺถาย ญตฺตํ พาลสฺส ชายติความรู้เกิดแก่คนพาล ก็เพียงเพื่อความฉิบหาย,
หนฺติ พาลสฺส สุกฺกํสํ มุทฺธํ อสฺส วิปาตยํ มันทำสมองของเขาให้เขว, ย่อมฆ่าส่วนที่ขาวของคนพาลเสีย 
โย จ วสฺสสตํ ชีเว ทุปฺปญฺโญ อสมาหิโตผู้ใดมีปัญญาทราม มีใจไม่มั่นคง พึงเป็นอยู้ตั้งร้อยปี,
เอกาหฺ ชีวิตํ เสยฺโย ปญฺญวนฺตสฺส ฌายิโน ส่วนผู้มีปัญญาเพ่งพินิจ มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวประเสริฐกว่า 
โย จ ปุพฺเพ ปมชฺชิตฺวา ปจฺฉา โส นปฺปมชฺชติเมื่อก่อนประมาท ภายหลังไม่ประมาท เขาชื่อว่ายังโลกนี้ให้สว่าง
โสมํ โลกํ ปภาเสติ อพฺภา มุตฺโต ว จนฺทิมา เหมือนพระจันทร์พ้นจากเมฆหมอกฉะนั้น 
ยญฺหิ กิจฺจํ ตทปวิทฺธํ อกิจฺจํ ปน กยีรติคนทอดทิ้งกิจที่ควรทำ ไปทำกิจที่ไม่ควรทำ
อุนฺนฬานํ ปมตฺตานํ เตสํ วฑฺฒนฺติ อาสวา เมื่อเขาถือตัวประมาท อาสวะย่อมเจริญ 
พหุมฺปิ เจ สํหิต ภาสมาโนหากกล่าวพุทธพจน์ได้มาก แต่เป็นคนประมาท
น ตกฺกโร โหติ นโร ปมตฺโตไม่ทำตามพุทธพจน์นั้น ก็ไม่มีส่วนแห่งสามัญญผล
โคโปว คาโว คณยํ ปเรสํเหมือนคนเลี้ยงโค คอยนับโคให้ผู้อื่นฉะนั้น 
น ภาควา สามญฺญฺสฺส โหติ
หมวดที่ 10 “หมวดความไม่ประมาท”
พุทธศาสนสุภาษิตคำแปล
อปฺปมตฺตา น มียนฺติ ผู้ไม่ประมาท ย่อมไม่ตาย 
อปฺปมาทรตา โหถ ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ยินดีในความไม่ประมาท 
อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ บัณฑิตย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท 
อปฺปมตฺโต อุโภ อตฺเถ บัณฑิตผู้ไม่ประมาท ย่อมได้รับประโยชน์ทั้งสอง 
อปฺปมตฺโต หิ ฌายนฺโต ผู้ไม่ประมาทพินิจอยู่ ย่อมถึงสุขอันไพบูลย์ 
อปฺปมาทญฺจ เมธาวี ธนํ เสฏฺฐฺ รกฺขติ ปราชญ์ย่อมรักษาความไม่ประมาทไว้ เหมือนทรัพย์ประเสริฐสุด 
อปฺปมาทรโต ภิกฺขุ ปมาเท ภยทสฺสิ วา สญฺโญชนํ อณํ ถูลํ ฑหํ อคฺคีว คจฺฉติ ภิกษุยินดีในความไม่ประมาท หรือ เห็นภัยในความประมาท ย่อมเผาสังโยชน์น้อยใหญ่ไป เหมือนไฟไหม้เชื้อน้อยใหญ่ไปฉะนั้น 
อปฺปมาทรโต ภิกขุ ปมาเท ภยทสฺสิ วา อภพฺโพ ปริหานาย นิพพานสฺเสว สนฺติเก ภิกษุยินดีในความไม่ประมาท หรือ เห็นภัยในความประมาท เป็นผู้ไม่ควรเพื่อจะเสื่อม ชื่อว่าอยู่ใกล้พระนิพพานทีเดียว 
อวํวิหารี สโต อปฺปมตฺโต ภิกฺขุ จรํ หิตฺวา มมายิตานิ ชาติชรํ โสกปริทฺทวญฺจ อิเธว วิทฺวา ปชเหยฺย ทุกฺขํ ภิกษุผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่อย่างนี้ มีสติ ไม่ประมาท ละความถือมั่นว่าของเราได้แล้วไปเที่ยวไป เป็นผู้รู้ พึงละชาติ ชรา โสกะ ปริเทวะ และทุกข์ ในโลกนี้ได้ 
อุฏฺฐฺานวโต สติมโต สุจิกมฺมสฺส นิสมฺมการิโน สญฺญฺตสฺส จ ธมฺมชีวิโน อปฺปมตฺตสฺส ยโสภิวฑฺฒติยศย่อมเจริญแก่ผู้มีความหมั่น มีสติ มีการงานสะอาด ใคร่ครวญแล้วทำ ระวังดีแล้ว เป็นอยู่โดยธรรม และไม่ประมาท 
หมวดที่ 11 “หมวดตน-การฝึกตน”
พุทธศาสนสุภาษิตคำแปล
อตฺตานํ ทมยนฺติ สุพฺพตา ผู้ประพฤติดี ย่อมฝึกตนอยู่เป็นนิจ 
อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย ชนะตนนั่นแหละ เป็นดี 
ลพฺภา ปิยา โอจิตฺเตน ปจฺฉา ตระเตรียมตนให้ดีเสียก่อนแล้ว ต่อไปจะได้สิ่งอันเป็นที่รัก 
ยทตฺตครหิ ตทกุพฺพมาโน ติตนเองเพราะเหตุใด ไม่ควรทำเหตุนั้น 
สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ ความบริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตัว 
สทตฺถปสุโต สิยา พึงขวนขวายในเป้าหมายของตน 
นาญฺญํ นิสฺสาย ชีเวยฺย ไม่พึงอาศัยผู้อื่นยังชีพ 
กลฺยาณํ วต โภ สกฺขิ อตฺตานํ อติมญฺญสิ ท่านเอ๋ย ! ท่านก็สามารถทำดีได้ ไยจึงมาดูหมิ่นตัวเองเสีย 
สนาถา วิหรถ มา อนาถา จงอยู่อย่างมีหลักยึดเหนี่ยวใจ อย่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง 
ปเรสํ หิ โส วชฺชานิ โอปุนาติ ยถาภุสํ อตฺตโน ปน ฉาเทติ กลึว กิตวา สโฐโทษคนอื่นเที่ยวกระจาย เหมือนโปรยแกลบ แต่โทษตนปิดไว้ เหมือนพรานนกเจ้าเล่ห์แฝงตัวบังกิ่งไม้ 
หมวดที่ 12 “หมวดมิตร”
พุทธศาสนสุภาษิตคำแปล
ปาปมิตฺโต ปาปสโข ปาปอาจารโคจโรมีมิตรเลว มีเพื่อนเลว ย่อมมีมารยาทเลว และที่เที่ยวเลว 
อตฺถมฺหิ ชาตมฺหิ สุขา สหายา เมื่อความต้องการเกิดขึ้น สหายเป็นผู้นำสุขมาให้
สพฺพตฺถ ปูชิโต โหติ โย มิตฺตานํ น ทุพฺภติ ผู้ไม่ประทุษร้ายมิตร ย่อมมีผู้บูชาในที่ทั้งปวง 
มาตา มิตฺตํ สเก ฆเร มารดาเป็นมิตรในเรือนตน
พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร มารดาบิดา ท่านเรียกว่าเป็นพรหม
วิสฺสาสปรมา ญาติ คนคุ้นเคย ไว้ใจกันได้ เป็นญาติอย่างยิ่ง 
สตฺโถ ปวสโต มิตฺตํ หมู่เกวียน เป็นมิตรของคนเดินทาง 
สเจ ลเภถ นิปกํ สหายํ จเรยฺย เตนตฺตมโน สติมา ถ้าได้สหายเป็นผู้รอบคอบ พึงพอใจและมีสติเที่ยวไปกับเขา 
มิตฺตทุพฺโก หิ ปาปโก ผู้ประทุษร้ายมิตรเป็นคนเลวแท้ 
ภริยา ปรมา สขาภริยาเป็นเพื่อนสนิท 
หมวดที่ 13 “หมวดการคบหา”
พุทธศาสนสุภาษิตคำแปล
ยํ เว เสวติ ตาทิโสคบคนเช่นใด ย่อมเป็นคนเช่นนั้น 
ภเชถ มิตฺเต กลฺยาเณ ควรคบมิตรที่ดี 
มิตฺตสฺมิมฺปิ น วิสฺสเสแม้ในมิตรก็ไม่ควรไว้ใจ
โหติ ปานสขา นาม เป็นเพื่อน เพียงเพื่อดื่มเหล้าก็มี 
นิหียติ ปุริโส นิหีนเสวี ผู้คบคนเลว ย่อมพลอยเลวไปด้วย 
อเปตจิตฺเตน น สมฺภเชยฺย เมื่อเขาไม่มีเยื่อใย ป่วยการอยู่กินด้วย 
มาสฺสุ พาเลน สงฺคจฺฉิ อมิตฺเตเนว สพฺพทาอย่าสมาคมกับคนพาลซึ่งเป็นดังศัตรูทุกเมื่อ 
ยตฺถ เวรี นิวีสติ น วเส ตตฺถ ปณฺฑิโต โจรพาลอยู่ในที่ใด บัณฑิตไม่ควรอยู่ในที่นั้น
เสยฺยํโส เสยฺยโส โหติ โย เสยฺยมุปเสวติคบคนดี ก็พลอยมีส่วนดีด้วย
เสฏฺฐมุปคมญฺจ อุเทติ ขิปฺปํเมื่อคบคนที่ดีกว่า ตัวเองก็ดีขึ้นมาฉับพลัน 
หมวดที่ 14 “หมวดการสร้างตัว”
พุทธศาสนสุภาษิตคำแปล
ธมฺเมน วิตฺตเมเสยฺยบุคคลพึงหาเลี้ยงชีพ โดยทางชอบธรรม
ปโยชเย ธมฺมิกํ โส วณิชฺชํ บุคคลพึงประกอบการค้าที่ชอบธรรม
น นิกตฺยา ธนํ หเร บุคคลไม่พึงหาทรัพย์ด้วยการคดโกง 
อลาโภ ธมฺมิโก เสยฺโย ยญฺเจ ลาโภ อธมฺมิโกถึงไม่ได้ แต่ชอบธรรม ยังดีกว่าได้โดยไม่ชอบธรรม
ปฏิรูปการี ธุรวา อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนิขยัน เอาธุระ ทำเหมาะจังหวะ ย่อมหาทรัพย์ได้ 
โภคา สนุนิจยํ ยนฺติ วมฺมิโกวูปจียติทรัพย์สินย่อมพอกพูนขึ้นได้ เหมือนดังก่อจอมปลวก
อนากุลา จ กมฺมนฺตา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ การงานไม่คั่งค้างสับสน เป็นมงคลอย่างสูงสุด
น หิ จินฺตามยา โภคา อิตฺถิยา ปุริสสฺส วา โภคะของใคร ไม่ว่าสตรีหรือบุรุษ ที่จะสำเร็จเพียงด้วยคิดเอา ย่อมไม่มี 
สกมฺมุนา โหติ ผลูปปตฺติความอุบัติแห่งผล ย่อมมีได้ด้วยการกระทำของตน 
ยหึ ชีเว ตหึ คจฺเฉ น นิเกตหโต สิยาชีวิตจะอยู่ได้ที่ไหน พึงไปที่นั้น ไม่พึงให้ที่อยู่ฆ่าตนเสีย 
หมวดที่ 15 “หมวดการปกครอง”
พุทธศาสนสุภาษิตคำแปล
มา มโท ภรตูสภผู้มีภาระปกครองรัฐ จงอย่าได้ประมาทเลย 
สพฺพํ รฏฺฐํ สุขํ เสติ ราชา เจ โหติ ธมฺมิโก ถ้าผู้ปกครองทรงธรรม ประเทศชาติก็เป็นสุข 
สพฺพํ ปรวสํ ทุกฺขํ การอยู่ในอำนาจของผู้อื่น เป็นทุกข์ทั้งสิ้น
สงฺเกยฺย สงฺกิตพฺพานิพึงระแวง สิ่งที่ควรระแวง 
สาธุ ธมฺมรุจี ราชาผู้ปกครองชอบธรรมจึงจะดี 
ปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ พึงยกย่องคนที่ควรยกย่อง 
ปมาทา ชายเต ขโยเมื่อมีความประมาท ก็เกิดความเสื่อม
ขยา ปโทสา ชายนฺติเมื่อมีความเสื่อม ก็เกิดโทษประดัง
สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ สักการะฆ่าคนชั่วได้
รกฺเขยฺยานาคตํ ภยํพึงป้องกันภัยที่ยังมาไม่ถึง 
หมวดที่ 16 “หมวดสามัคคี”
พุทธศาสนสุภาษิตคำแปล
สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคีสามัคคีของหมู่ทำให้เกิดสุข 
สมคฺคา สขิลา โหถ จงสามัคคีมีน้ำใจต่อกัน
สมคฺคานํ ตโป สุโขความเพียรของหมู่ชน ผู้พร้อมเพรียงกันทำให้เกิดสุข
สูกเรหิ สมคฺเคหิ พฺยคฺโฆ เอกายเน หโตสุกรทั้งหลายพร้อมเพรียงกันยังฆ่าเสื้อโคร่งได้ เพราะใจรวมเป็นอันเดียว
สามคฺยเมว สิกฺเขถ พุทฺเธเหตํ ปสํสิตํ สามคฺยรโต ธมฺมฏฺโฐ โยคกฺเขมา น ธํสตํ พึงศึกษาความสามัคคี , ความสามัคคีนั้น ท่านผู้รู้ทั้งหลาย สรรเสริญแล้ว , ผู้ยินดีในสามัคคี ตั้งอยู่ในธรรม ย่อมไม่คลาดจาธรรมอันเกษมจาโยคะ 
วิวาทํ ภยโต ทิสฺวา อวิวาทญฺจ เขมโต สมคฺคา สขิลา โหถ เอสา พุทฺธานุสาสนี ท่านทั้งหลายจงเห็นความวิวาทโดยความเป็นภัย และ ความไม่วิวาทโดยความปลอดภัยแล้ว เป็นผู้พร้อมเพรียง มีความประนีประนอมกันเถิด นี้เป็นพระพุทธานุศาสนี 
เอโส หิ อุตฺตริตโร ภาราวโห ธุรนฺธโร โย ปเรสาธิปนฺนานํ สยํ สนฺธาตุมรหติผู้ใดเมื่อคนอื่นล่วงเกินกันอยู่ ตนเองกลับหาทางเชื่อมเขาให้คืนดีกันได้ ผู้นั้นแล ชื่อว่าเป็นคนเอาภาระ เป็นผู้จัดธุระที่ดียอดเยี่ยม
สเจปิ สนฺโต วิวทนฺติ ขิปฺปํ สนฺธียเร ปุน พาลา ปตฺตาว ภิชฺชนฺติ น เต สมถมชฺฌคูถ้าแม้นสัตบุรุษวิวาทกัน ก็กลับเชื่อมกันได้สนิทโดยเร็ว ส่วนคนพาลทั้งหลายย่อมแตกกันเหมือนชนะดิน เขาย่อมไม่ได้ความสงบเวรกันเลย
หมวดที่ 17 “หมวดเกื้อกูลสังคม”
พุทธศาสนสุภาษิตคำแปล
ธนํ จเช องฺควรสฺส เหตุพึงสละทรัพย์ เพื่อรักษาอวัยวะ 
องฺคํ จเช ชีวิตํ รกฺขมาโนพึงสละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต
องฺคํ ธนํ ชีวิตญจฺาปิ สพฺพํ จเช นโร ธมฺมมนุสฺสรนฺโต พึงสละอวัยวะ ทรัพย์ และ แม้ชีวิต เพื่อรักษาความถูกต้อง
จเช มตฺตาสุขํ ธีโรผู้ฉลาดควรสละสุขเล็กน้อย เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
หมวดที่ 18 “หมวดพบสุข”
พุทธศาสนสุภาษิตคำแปล
น หึสนฺติ อกิญฺจนํไม่มีอะไรเลย ไม่มีใครเบียดเบียน 
สุขิโน วตารหนฺโตท่านผู้ไกลกิเลส มีความสุขจริงหนอ
สกิญฺจนํ ปสฺส วิหญฺญมานํคนมีห่วงกังวล ย่อมวุ่นวายอยู่ 
ยาวเทวสฺสหู กิญฺจิ ตาวเทว อขาทิสํ ตราบใด ยังมีชิ้นเนื้อคาบไว้นิดหน่อย ตราบนั้น ก็ยังถูกกลุ้มรุมยื้อแย่ง 
หิรญฺญํ เม สุวณฺณํ เม เอสา รตฺตินฺทิวา กถา ทุมฺเมธานํ มนุสฺสานํ อริยธมฺมํ อปสฺสตํ พวกมนุษย์ผู้อ่อนปัญญา ไม่เห็นอริยธรรม สนทนาถกเถียงกันทั้งวันทั้งคืน แต่ในเรื่องที่ว่า เงินของเรา ทองของเรา
อตีตํ นานุโสจนฺติ นปฺปชปฺปนฺติ นาคตํ ปจฺจุปฺปนฺเนน ยาเปนฺติ เตน วณฺโณ ปสีทติผู้ถึงธรรม ไม่เศร้าโศกถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ฝันเพ้อถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง ดำรงอยู่ด้วยสิ่งที่เป็นปัจจุบัน ฉะนั้น ผิวพรรณจึงผ่องใส 
โสจํ ปณฺฑุกิโส โหติ ภตฺตญฺจสฺส น รุจฺจติ อมิตฺตา สุมนา โหนฺติ สลฺลวิทฺธสฺส รุปฺปโต มัวเศร้าโศกอยู่ก็ซูบผอมลง อาหารก็ไม่อยากรับประทาน ศัตรูก็พลอยดีใจ ในเมื่อเขาถูกลูกศรแห่งความโศกเสียบแทงย่ำแย่อยู่ 
อนาคตปฺปชปฺปาย อดีตสฺสานุโสจนา เอเตน พาลา สุสฺสนฺติ นโฬว หริโต ลุโต ชนทั้งหลายผู้ยังอ่อนปัญญา เฝ้าแต่ฝันเพ้อถึง สิ่งที่ยังไม่มาถึง และ หวนละห้อยถึงความหลังอันล่วงไปแล้ว จึงซูบซีดหม่นหมอง เสมือนต้นอ้อสดที่เขาถอนขึ้น ทิ้งไว้ในกลางแดด
โย อตฺตโน ทุกฺขมนานุปุฏฺโฐ ปเวทเย ชนฺตุ อกาลรูเป อานนฺทิโน ตสฺส ภวนฺติ มิตฺตา หิเตสิโน ตสฺส ทุกฺขี ภวนฺติ ผู้ใดพอใครถามถึงทุกข์ของตน ก็บอกเขาเรื่อยไป ทั้งที่มิใช่กาลอันควร ผู้นั้นจะมีแต่มิตรชนิดเจ้าสำราญ ส่วนผู้หวังดีต่อเขาก็มีแต่ทุกข์ 
ลาโภ อลาโภ ยโส อยโส จ นินฺทา ปสํสา จ สุขํ จ ทุกฺขํ เอเต อนิจฺจา มนุเชสุ ธมฺมา มา โสจิ กึ โสจสิ โปฏฺฐปาทได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข และ ทุกข์ สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดาในหมู่มนุษย์ ไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน อย่าเศร้าโศกเลย ท่านจะโศกเศร้าไปทำไม 
หมวดที่ 19 “หมวดทาน”
พุทธศาสนสุภาษิตคำแปล
ททมาโน ปิโย โหติผู้ให้ ย่อมเป็นที่รัก
ทินฺนํ โหติ สุนิพฺภตํ ของที่ให้แล้ว ชื่อว่านำออกไปอย่างดีแล้ว
อคฺคสฺส ทาตา ลภเต ปุนคฺคํผู้ให้สิ่งที่เลิศ ย่อมได้สิ่งที่เลิศอีก 
วิเจยฺย ทานํ สุคตปฺปสตฺถํ การเลือกให้ พระสุคตทรงสรรเสริญ 
ธีโร จ ทานํ อนุโมทมาโนคนฉลาด พลอยยินดีการให้ทาง 
สพฺเพสํ สหิโต โหติ คนดี บำเพ็ญประโยชน์แก่ปวงชน 
สนฺโต สตฺตหิเต รตาคนดี ชอบช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น 
นิวตฺตยนฺติ โสกมฺหา คนใจการุณ ช่วยแก้ไขคนให้หายโศกเศร้า 
นตฺถิ จิตฺเต ปสฺนมฺหิ อปฺปกา นาม ทกฺขิณาเมื่อจิตเลื่อมใสแล้ว ทักขิณาทานชื่อว่าน้อย ย่อมไม่มี 
สุขสฺส ทาตา เมธาวี สุขํ โส อธิคจฺฉติปราชญ์ผู้ให้ความสุข ย่อมได้รับความสุข 
หมวดที่ 20 “หมวดศีล”
พุทธศาสนสุภาษิตคำแปล
สีลํ โลเก อนุตฺตรํ ศีล เป็นเยี่ยมในโลก
สํวาเสน สีลํ เวทิตพฺพํศีลพึงรู้ได้เมื่ออยู่ร่วมกัน 
สีลํ ยาว ชรา สีลํ ศีลยังประโยชน์ให้สำเร็จตราบเท่าชรา
สีลํ รกฺเขยฺย เมธาวี นักปราชญ์พึงรักษาศีล 
สญฺญมโต เวรํ น จียติเมื่อคอยระวังอยู่ เวรย่อมไม่ก่อขึ้น 
สาธุ สพฺพตฺถ สํวโรความสำรวมในที่ทั้งปวง เป็นดี 
สีลํ กิเรว กลฺยาณํท่านว่าศีล เป็นความดี
โย จ วสฺสสตํ ชีเว ทุสฺสีโล อสมาหิโต เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย สีลวนฺตสฺส ฌายิโนผู้ไม่มีศีล ไม่มั่นคง ถึงจะเป็นอยู่ตั้งร้อยปี , ส่วนผู้มีศีล เพ่งพินิจ มีชีวิตอยู่วันเดียวประเสริฐกว่า 
น เวทา สมฺปรายาย น ชาติ นปิ พนฺธวา สกญฺจ สีลสํสุทฺธํ สมฺปรายสุขาวหํ เวทมนต์ ชาติกำเนิด พวกพ้อง นำสุขมาให้ในสัมปรายภพไม่ได้ ส่วนศีลของตนที่บริสุทธิ์ดีแล้ว จึงนำสุขมาให้ในสัมปรายภพได้ 
อุนฺนฬสฺส ปมตฺตสฺส พาหิราสสฺส ภิกฺขุโน สีลํ สมาธิ ปญฺญา จ ปาริปูรึ น คจฺฉติ เมื่อภิกษุมีมานะ ประมาทแล้ว มีความหวังในภายนอก ศีล สมาธิ และ ปัญญา ย่อมไม่ถึงความบริบูรณ์